นักเตะพรีเมียร์ลีก ระดับเทพคนไหนที่ไม่เคยได้แชมป์

ราชาไร้มงกุฎ ตำนานนักเตะพรีเมียร์ลีกที่เก่งแต่ไม่ได้แชมป์

ราชาไร้มงกุฎ ตำนานนักเตะพรีเมียร์ลีกที่เก่งแต่ไม่ได้แชมป์

โดย ผู้เขียน | 22 กันยายน 2568
รูปปกบทความ: ราชาไร้มงกุฎ

คำอธิบายรูปภาพ: ราชาไร้มงกุฎ ตำนานนักเตะพรีเมียร์ลีก

สนามรบของลูกกลม ๆ เล่นด้วยเท้า มีคนชูถ้วยแห่งชัยชนะ ก็ย่อมมีคนล้มทั้งยืนแม้สู้สุดกำลังของชีวิต บรรดา นักเตะพรีเมียร์ลีก ที่เก่งจนใคร ๆ ต้องยืนปรบมือ แต่บางคนก็น่าเสียดายเพราะจบสถานะการเป็นนักเตะด้วยการที่ไม่เคยสัมผัสถ้วยแชมป์ลีกสักครั้ง พวกเขาคือ “ราชาไร้มงกุฎ” ที่ไม่ต่างอะไรกับนักรบผู้ไร้บัลลังก์ ถึงไม่มีเหรียญตราประดับอก แต่ชื่อยังถูกเล่าขานไม่รู้จบ

นักเตะพรีเมียร์ลีกที่เก่งแต่ไร้แชมป์คือใคร

พูดถึง ตำนานนักเตะพรีเมียร์ลีก ที่ฝีเท้าคมกริบแต่ชวดแชมป์ เจอร์ราร์ดคือคนแรกที่ใครก็ต้องนึกถึง ภาพลื่นล้มในเกมเจอกับเชลซียังเป็นเหมือน “บาดแผลสงคราม” ที่ติดตัวไปชั่วชีวิต แต่ถามหน่อย มีใครจำถ้วยได้มากกว่าใจที่เขาทุ่มให้สโมสรไหม?

เจอร์ราร์ด – หัวใจหงส์แต่ไร้มงกุฎ

“เจิด” ในคำเรียกของแฟนหงส์ชาวไทยหรือ สตีเวน เจอร์ราร์ด ตัวแทนของคำว่า “กองกลางครบเครื่อง” อร่อยครบรส ยิงไกล เข้าบอลมันส์ จ่ายบอลได้เสีย และวิ่งไม่มีหมด ในพรีเมียร์ลีก เขาลงเล่นให้ลิเวอร์พูลกว่า 504 นัด ยิงไป 120 ประตู และทำ 92 แอสซิสต์ ตัวเลขที่โหดสำหรับมิดฟิลด์ที่ไม่ได้เล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์จ๋า แต่เป็นทั้งตัวลากดาบ ยิงไกลเผด็จศึก และห้องเครื่องขับเคลื่อนเกม สไตล์ของเจอร์ราร์ดคือยิงไกลสะท้านปฐพี กะซวกบอลจาก 30 หลาแล้วตาข่ายแทบขาด และการจ่ายทะลุช่องที่แม่นเหมือนวางบอลด้วยมือ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาถูกยกย่องเหนือสถิติคือ ความเป็นผู้นำ เขาสวมปลอกแขนกัปตันกว่า 12 ปี พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2005 ในค่ำคืนปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล จนถูกยกเป็นหนึ่งในแมตช์พลิกโลก แต่ชะตากลับเล่นตลก เพราะในพรีเมียร์ลีก เขาไม่เคยชูถ้วยสูงสุดแม้สักครั้ง ภาพลื่นล้มในเกมเจอเชลซี 2014 ที่ทำให้หงส์เสียแชมป์ คือรอยแผลเป็นที่ปิดฉากความฝัน แต่ก็ย้ำชัดว่าเจอร์ราร์ดยิ่งใหญ่เพราะหัวใจ ไม่ใช่เพราะถ้วยรางวัล

รูปประกอบบทความ: สตีเวน เจอร์ราร์ด

เลอ ทิสซิเยร์ – อัจฉริยะที่เลือกอยู่บ้านเก่า

“นักเตะขี้เกียจวิ่ง แต่โคตรอัจฉริยะ” ของพรีเมียร์ลีก แมทธิว เลอ ทิสซิเยร์ เขาลงเล่นให้เซาแธมป์ตันกว่า 443 นัด ยิงไป 161 ประตู ตัวเลขที่บอกว่ากองกลางตัวรุกคนนี้คือ นักฆ่าลูกไกล ที่โหดที่สุดคนหนึ่งในยุค 90s ที่ใครเป็นแฟนบอลยุคนั้น ต้องจำเขาได้ผ่านการทำสกอร์สวย ๆ มากมาย

จุดขายของเขาคือการยิงฟรีคิกที่แม่นจนผู้รักษาประตูยังยอมแพ้ และลูกยิงไกลที่พร้อมเปลี่ยนเกมได้ทันที เขาเป็นคนแรก ๆ ที่ได้ฉายาว่า “Super Matt” เพราะเก็บทีมเล็ก ๆ อย่างนักบุญให้อยู่รอดในลีกสูงสุดด้วยเท้าของเขาแทบจะคนเดียว

ศิลปินในสนามที่ไม่ต้องวิ่งพล่านไปทั่วแต่พร้อมสร้างความแตกต่างของเกมได้ทุกวินาที เขายิงจุดโทษไปทั้งหมด 49 ครั้ง พลาดแค่ 1 ครั้ง (!!) สถิติที่ยังถูกพูดถึงจนทุกวันนี้ แม้การครองบอลของเขาอาจไม่หวือหวา แต่ทุกจังหวะคือเชิงบอลและความมั่นใจ ไม่สนว่าทีมจะเล็กแค่ไหน เขาเลือกอยู่กับบ้านเดิม ไม่วิ่งหาความสำเร็จกับทีมใหญ่ ผลคือไร้ถ้วยพรีเมียร์ลีก แต่กลายเป็น ตำนานนักเตะพรีเมียร์ลีก ที่แฟนบอลทั้งโลกยกย่องว่า “ถ้ามีอัจฉริยะซ่อนอยู่ในร่างคนธรรมดา นั่นแหละคือเลอ ทิสซิเยร์”

รูปประกอบบทความ: แมทธิว เลอ ทิสซิเยร์

ทำไมตำนานเหล่านี้ยังถูกยกย่องแม้ไร้มงกุฎ

ความยิ่งใหญ่ของ นักเตะดังพรีเมียร์ลีก ไม่ได้ถูกวัดด้วยโลหะเย็น ๆ ที่เรียกว่าถ้วยรางวัล แต่คือไฟที่ส่องในหัวใจแฟนบอล พวกเขาคือศิลปินในสนาม แม้ไม่มีมงกุฎ แต่ก็เหมือนนักร้องข้างถนนที่ร้องเพลงเดียวแล้วทำให้คนทั้งเมืองจำไปทั้งชีวิต

ความภักดีที่แฟนบอลเชิดชู

  • บางคนเลือกอยู่กับทีมเดิมทั้งที่รู้ว่าโอกาสคว้าแชมป์ริบหรี่ นี่แหละคือความรักที่เงินซื้อไม่ได้
  • โมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่กว่าถ้วย: แมตช์ที่นักเตะสร้างปาฏิหาริย์ไว้ในความทรงจำ เช่น ลูกยิงไกล ลูกพลิกเกม นั่นแหละคือมงกุฎที่แฟนบอลสวมให้ในใจ

โชคร้ายหรือชะตากรรมในเส้นทางอาชีพ

บางครั้งนักเตะเหล่านี้ก็เหมือนนักพนันที่อ่านเกมขาดแต่ดวงไม่เข้าข้าง อาการบาดเจ็บและการอยู่ผิดที่ผิดเวลากลายเป็นเหมือน “กับดักสนามทุ่นระเบิด” ที่พวกเขาเหยียบโดยไม่ทันตั้งตัว เส้นทางเลยจบลงทั้งที่ฝีเท้ายังเต็มเปี่ยมไปด้วยคลาสบอล

  • อาการบาดเจ็บ – ศัตรูที่มองไม่เห็น: นักเตะหลายคนถูกพรากฝันไปด้วยอาการบาดเจ็บ ทั้งเจ็บบ่อย เจ็บเล็ก เจ็บน้อย หรือกระทั่งตอนฟอร์มพุ่งมาเจ็บหนักแล้วกลับมาเล่นในฟอร์มที่ดีที่สุดไม่ได้อีกเลยก็มี แม้กำลังพุ่งแรงแต่กลับหยุดกลางคันเพราะคำว่า “อาการบาดเจ็บ” จุดสกัดความโรจน์ของนักเตะนักต่อนัก
  • ทีมไม่ดีพอ – แม้ตัวเองจะสุดยอด: เมื่อเป็นเชฟระดับมิชลินแต่ถูกจับให้ทำครัวในร้านก๋วยเตี๋ยว ความอร่อยถูกจำกัดไว้ในหม้อน้ำซุป เช่นกันกับความสามารถของนักเตะหลายคน ที่ความเก่งมี แต่องค์ประกอบทีมไม่เป็นใจ คำว่าความสำเร็จหรือฟอร์มที่ดีที่สุดของนักเตะบางคนจึงถึงรั้งไว้อย่างยากที่จะปฎิเสธ
รูปประกอบบทความ: แฟนบอลถือป้ายเชียร์นักเตะ

บทเรียนจากนักเตะไร้มงกุฎที่แฟนบอลควรจดจำ

เรื่องราวเหล่านี้บอกชัดว่า ความสำเร็จจริง ๆ อยู่ในใจคนดู ไม่ใช่ถ้วยในพิพิธภัณฑ์ ต่อให้คุณไม่มีเกียรติยศอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าแฟนบอลยังยืนตะโกนชื่อคุณหลังเกม นั่นคือชัยชนะที่แท้จริง และสำหรับสายเดิมพัน มันก็ไม่ต่างจากการ แทงบอลสด ที่บางครั้งผลลัพธ์ไม่ได้ขึ้นกับโพย แต่ขึ้นกับสายตาที่อ่านเกมได้ทะลุ

เมื่อความยิ่งใหญ่ไม่ใช่แค่เรื่องถ้วย

พวกเขาที่ไร้ถ้วยเกียรติยศกำลังตะโกนบอกเราว่า โล่เงินกับถ้วยทองมันบางทีหากมองให้ลึก มันก็แค่เศษเหล็กวางในตู้ แต่สิ่งที่อยู่ในใจแฟนบอลต่างหากคือเกียรติยศที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย  คุณอาจลืมว่าใครได้แชมป์เมื่อสิบปีก่อน แต่คุณตจะไม่มีวันลืมภาพเจอร์ราร์ดที่สู้จนหยดสุดท้าย หรือเลอ ทิสซิเยร์ที่ยิงไกลสะเทือนทั้งสนาม สุดท้ายแล้ว…ใครกันแน่คือผู้ชนะที่แท้จริง คนที่ถือถ้วย หรือคนที่ถูกคนทั้งโลกพูดถึงไม่มีวันจบ?

ฟุตบอลคือเกมแห่งโอกาสและชะตา บางครั้งเราเลือกไม่ได้ว่าจะได้ถ้วยหรือไม่ แต่เราเลือกได้ว่าจะลงเล่นเต็มที่หรือเปล่า

“ราชาไร้มงกุฎ” ความล้มเหลวในมือที่ไร้ถ้วยแชมป์ อีกมุมคือบทพิสูจน์ว่าฟุตบอลมันไม่เคยยุติธรรมสำหรับทุกคน และสิ่งนั้นแหละมั้งคือ “เสน่ห์ของมัน” ถ้วยรางวัลอาจถูกจารึกในประวัติศาสตร์ แต่ชื่อของ นักเตะพรีเมียร์ลีก ที่สู้จนสิ้นเสียงนกหวีดครั้งสุกท้ายในสนาม ถูกจารึกลงในหัวใจคนดู ซึ่งอยู่ยาวนานกว่าสิ่งที่เป็นวัตถุที่เรียกว่ากระดาษหรือโลหะทรงถ้วยเสียอีก คำถามก็คือ… คนที่ตามหาถ้วยว่างเปล่าไปทั้งชีวิต หรืออยากเป็นตำนานที่มีคนเล่าขาน แม้จะไร้มงกุฎ คุณอยากเป็นแบบไหน

Comments

Leave a Reply